PROSPECT เปิดเทรดวันแรก 9.95 บาท ชูประมาณการยีลด์สุดโดดเด่นปีแรกแตะ 11.1%
ความเคลื่อนไหวการเข้าทำการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยครั้งแรกของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ PROSPECT เปิดการซื้อขายที่ 9.95 บาทต่อหน่วยลงทุน ต่ำกว่าราคาจองซื้อที่ 10.00 บาท
โดยนางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการเพื่อการลงทุนในสิทธิ์การเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ PROSPECT เปิดเผยว่า โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน ที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนในครั้งแรกนี้เป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพ ซึ่งบริษัทได้ประมาณการเงินจ่ายแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในปีแรก (First Year Yield) ที่อัตรา 1.112 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็น 11.1 % ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยในปัจจุบันของตลาด
สำหรับแผนที่จะหาสินทรัพย์ใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มในพอร์ตนั้น บริษัทได้ยังคงมองหาโอกาสอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์จากบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ที่มีแผนจะพัฒนาและขายโครงการเพิ่มอีก 2-3 โครงการ พื้นที่ราว 5 หมื่นตารางเมตร-1 แสนตารางเมตร
ขณะเดียวกันก็จะมีการพิจารณาสินทรัพย์จากพื้นที่อื่นอย่างต่อเนื่อง โดยความชัดเจนคาดว่ายังไม่สามารถเห็นได้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากขึ้นอยู่ปัจจัยแวดล้อม อย่างภาวะเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานของสินทรัพย์ ซึ่งบริษัทมีนโยบายว่าสินทรัพย์ใหม่จะต้องมีอัตราเช่าไม่น้อยกว่าสินทรัพย์เดิม
พร้อมกันนี้นาย วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้พัฒนาและบริหารเขตประกอบการอุตสาหกรรมและเขตปลอดอากร ‘โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน’ ย่านบางนา-ตราด กม. 23 เปิดเผยว่า บริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพของกองทรัสต์และโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนซึ่งเป็นทรัพย์สินที่กองทรัสต์ฯ เข้าลงทุนครั้งแรก
จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการเคลื่อนย้าย ตลอดจนกระจายฐานการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ มายังภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ในทำเลที่ดีเป็นย่านศูนย์กลางของอุตสาหกรรมการผลิตและสามารถเชื่อมต่อระบบการขนส่งที่หลากหลาย
ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า PROSPECT ถือเป็นอีกหน่วยลงทุนที่น่าสนใจ ด้วยความโดดเด่นอย่างประมาณการเงินจ่ายแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในปีแรก (First Year Yield) ที่อัตรา 1.112 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็น 11.1% ซึ่งถือว่าสูงกว่ากลุ่มที่เฉลี่ยอยู่เพียง 6-7%
ประกอบกับในช่วงที่สถานการณ์ตลาดหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ค่อนข้างมีความผันผวน และภาวะดอกเบี้ยขาลงไปอีกอย่างน้อย 2 ปี จะช่วยให้หน่วยลงทุนอย่าง กองทรัสต์ฯ เป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอและยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากราคาหน่วยทรัสต์
มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงนั้น เป็นผลมาจากนักลงทุนเกิดความกังวลต่อการระบาดของไวรัส COVID-19 ระลอกที่ 2 หลังจากรัฐบาลได้ประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อโดยต้นต่อการระบาดมาจากคนในประเทศ ทำให้ส่งผลเชิงจิตวิทยาแก่นักลงทุนบางกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าจะเป็นผลกระทบต่อตลาดแค่ในระยะสั้นๆ เนื่องจากพื้นฐานยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง และตลาดหุ้นในต่างประเทศอื่นที่มีการระบาดระรอกสองนั้น อย่างเวียดนาม เกาหลี ญี่ปุ่น ตลาดก็ได้มีการปรับตัวสั้นๆก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมา
การปรับตัวลงของตลาดนั้นถือว่าเป็นโอกาสการลงทุน โดยอาจจะต้องคัดเลือกหุ้นเป็นรายตัว เช่นกันกันกับกองทรัสต์ฯที่สินทรัพย์บางอย่าง เช่น โรงแรม ศูนย์การค้า เป็นต้น ผลการดำเนินงานยังได้รับผลกระทบจากCOVID-19 อยู่
ที่มา wealthythai